หลักการเลือกเพชร 4C
Carat
Carat คือ หน่วยน้ำหนักของเพชร (กะรัต) มีผลต่อขนาดไซส์เพชร โดย 1 กะรัต = 100 สตางค์ (นิยมเรียกสั้นๆ ตัง)
Color
Color คือ สีของเพชร (ความขาวของเพชร) ซึ่งความขาวนี้จะเป็นคนละคุณสมบัติกันกับการเล่นไฟระยิบระยับ ที่หลายๆท่านอาจจะสับสนว่าเป็นสิ่งเดียวกัน เกรดของระดับสีนี้จะเริ่มจากขาวที่สุด ที่ D Color หรือที่เรียกกันว่าน้ำร้อย 100 และไล่ไปเรื่อยๆ เช่น E Color = น้ำ99 , F Color = น้ำ98 ...
Clarity
Clarity คือ ความสะอาดภายในเพชร หรือตำหนิต่างๆของเพชร
เป็นร่องรอยหรือตำหนิที่เกิดตามธรรมชาติที่อยู่ภายในเพชร ซึ่งจะมีลักษณะและจำนวนมากน้อยต่างกัน
โดยเรียงจากไม่มีเลย ไปถึงจำนวนมาก ดังนี้
IF (ไร้ตำหนิ สะอาดที่สุด) > VVS1 > VVS2 > VS1 > VS2 > SI1 > SI2 > I1 > I2 > I3
ส่วนมากระดับที่เป็นที่ยอมรับและนิยม จะเป็นระดับ VS ขึ้นไป ซึ่งมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น จะต้องส่องกล้องขยายเข้าไปเพื่อดู อย่างไรก็ตามสำหรับ SI บางเม็ด ก็ยังดูสวยและไม่ได้เห็นตำหนิชัดเจนในระดับสายตาเปล่า
Cutting
Cutting คือ สัดส่วนของเพชรและคุณภาพการเจียรไน
มีผลต่อความระยิบระยับ เล่นไฟของเพชร ประกอบด้วย 3 ส่วนย่อย คือ Cutting, Polish, และ Symmetry
การให้เกรดจะไล่จาก ดีที่สุด Excellent > Very Good > Good > Fair > Poor ไม่ดี
ระดับที่ดีที่สุด ที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า 3EX มาจากการได้คะแนน Excellent ครบทั้ง 3 ส่วนย่อยนั่นเอง
สำหรับเพชรรูปทรงอื่นๆ (Fancy Cut) เกณฑ์เรื่อง Cutting จะมีเพียง 2 ด้าน คือ Polish และ Symmetry ซึ่งถ้าได้ Excellent ทั้งสองด้าน ก็จะเรียก 2EX นั่นเอง
Fluorescence
Fluorescence คือ การเรืองแสงในเพชร
เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ภายใต้แสง UV พบได้ในเพชรบางเม็ด (ประมาณ 25-30% ของเพชรในโลก) ส่งผลให้เพชรอาจอมแสงไว้ ทำให้เพชรดูนวลคล้ายมีละอองควันเมื่อเจอแสงเข้มข้นมาก
การเรืองแสง แบ่งเป็น 5 ระดับ None / Faint / Medium / Strong / Very Strong
(ไล่จากไม่เรืองแสงเลย > เรืองแสงเข้ม)
อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เห็นได้ชัดเจนในสภาวะแสงปกติ แสงธรรมชาติทั่วไป และเป็นปัจจัยรอง ซึ่งไม่ได้อยู่ในหลัก 4C ของการเลือกเพชร จึงถือเป็นปัจจัยทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเลือกเสปคเพชรให้อยู่ตามงบประมาณของลูกค้า โดยที่แนะนำจะเป็นช่วง None / Faint / Medium